จำนวน 1,804 คำ / ใช้เวลาในการอ่าน 5 นาที
- เราคอยย้ำอยู่เสมอว่าราคาน้ำตาลทรายดิบมีโอกาสที่จะปรับตัวสูงขึ้นถึง 12 เซนต์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
- ความต้องการน้ำตาลทรายดิบและน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ยังคงมีมากอยู่ แต่ท่าเรือในบราซิลก็สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี
- มีความเสี่ยงว่าโรงงานน้ำตาลบางโรงในบราซิลอาจทำการซื้อคืนน้ำตาลเพื่อใช้ผลิตเอทานอล หากราคาเอทานอลยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ตลาดน้ำตาลทรายดิบ: สถานการณ์ปัจจุบันที่ซานโตส
น้ำตาลทรายดิบกว่า 70% ในปีนี้จะผลิตมาจากทางตอนกลางและตอนใต้ของบราซิล และปริมาณน้ำตาลส่วนใหญ่ในนี้จะถูกส่งออกจากท่าเรือซานโตส
การขนย้ายน้ำตาลที่จุดเทียบท่ายังคงดำเนินไปได้ด้วยดีแม้จะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่สำคัญเนื่องจากมีเรือเพื่อรอการขนย้ายน้ำตาลได้ต่อคิวออกมาบริเวณรอบนอกซานโตส หากการขนย้ายยังคงดำเนินไปได้อย่างไม่ติดขัด เราคาดว่าปัญหาการต่อคิวของเรือเพื่อรอขนย้ายน้ำตาลจะหมดไปในช่วง 6 สัปดาห์ข้างหน้า หรือราวๆนั้น
เราอาจได้เห็นส่วนต่างราคาของสัญญาเดือนกรกฎาคม/ตุลาคมเริ่มที่จะอ่อนตัวลงก่อนการหมดอายุของสัญญาเดือนกรกฎาคม 63 เว้นเสียแต่ว่าจะมีเทรดเดอร์ใหญ่ๆบางรายที่มีความต้องการซื้อน้ำตาลจากบราซิลเป็นจำนวนมากๆอีก ซึ่งนั่นอาจทำให้ส่วนต่างราคาดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้น
ตลาดน้ำตาลทรายดิบ: ความต้องการยังคงมีมาก
ความต้องการน้ำตาลทรายดิบในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะพอดี ซึ่งถือได้ว่าดีที่สุดในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว
ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากการปรับเปลี่ยนสถานะในช่วงใกล้ๆการหมดอายุของสัญญาเดือนพฤษภาคม 63 ซึ่งได้ดึงความต้องการของน้ำตาลทรายดิบจากไตรมาสที่ 3 มาอยู่ในไตรมาสที่ 2 แทน อีกประเด็นหนึ่งก็เนื่องมาจากการรอต่อคิวของเรือเพื่อเทียบท่าที่ซานโตส เทรดเดอร์ได้มีการแจ้งรับมอบน้ำตาลตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อให้ได้วันที่ที่ต้องการในใบตราส่งสินค้า (B/L)
อย่างไรก็ตามโรงงานผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในจีนกำลังจะมีสต๊อกน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เนื่องจากรัฐบาลจีนมีท่าทีที่จะอนุญาตให้เพิ่มการนำเข้าน้ำตาลทรายดิบ และผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ได้ซื้อน้ำตาลทรายดิบแล้วในราคาต่ำกว่า 10 เซนต์/ปอนด์
เหล่าผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวเพื่อการส่งออกก็มีบทบาทในตลาดน้ำตาลทรายดิบเช่นกัน พรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี ทำให้ผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวได้ผลประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว
แต่เราก็มีความกังวลว่าความต้องการนี้อาจจะไม่ได้มีอย่างต่อเนื่องไปยังไตรมาสที่ 3 ของปี 63 ซึ่งจะไม่สมดุลกับปริมาณน้ำตาลที่ขนย้ายที่ซานโตส
- มีข้อจำกัดในเรื่องปริมาณน้ำตาลทรายดิบที่ผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวในจีนจะสามารถซื้อได้
- ผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวเพื่อการส่งออกสู่ตลาดโลกหลายรายมีพื้นที่ในการเก็บน้ำตาลทรายดิบค่อนข้างจำกัด
- เราไม่มั่นใจว่าพรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวจะยังคงความแข็งแกร่งได้อีกนานแค่ไหน หากพิจารณาปริมาณการบริโภคน้ำตาลที่ลดลงจากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า
สต๊อกน้ำตาลในตอนกลางและตอนใต้ของบราซิลในเดือนกันยายนจะสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ และจะยังสูงอยู่ไปจนถึงเดือนเมษายนปี 64 หากไม่มีเหตุจูงใจให้โรงงานปรับลดแผนการผลิตน้ำตาล
ตลาดน้ำตาลทรายดิบ: อย่าเพิ่งสันนิษฐานว่าโรงงานในบราซิลจะผลิตน้ำตาลให้ได้มากที่สุด!
การเลือกสัดส่วนการผลิตน้ำตาลและเอทานอลในตอนกลางและตอนใต้ของบราซิลทำให้เรามีความกังวล
ภาพรวมของตลาดน้ำตาลจูงใจให้โรงงานในตอนกลางและตอนใต้ของบราซิลเลือกที่จะผลิตน้ำตาลให้ได้มากที่สุดในปีนี้ ปริมาณน้ำตาลสูงสุดที่เคยผลิตได้ในภูมิภาคนี้คือ 36.1 ล้านตัน แต่ในปีนี้เราได้ยินมาว่าคาดการณ์ผลผลิตอาจมากถึง 37-40 ล้านตัน!!
ถ้าคิดอย่างง่ายๆ ก็คือ
- ราคาน้ำมันดิบได้ดีดตัวกลับขึ้นมาสูงขึ้น
- จำนวนผู้ขับขี่รถยนต์ในบราซิลในปัจจุบันเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนมีนาคมและเมษายน
แม้ว่าไวรัสโคโรน่าจะยังไม่หายขาด แต่ตลาดน้ำมันเชื้อเพลิงในบราซิลเริ่มมีการฟื้นตัว ราคาเอทานอลหน้าโรงงานปรับตัวสูงขึ้น 15 % ใน 1 เดือน
การผลิตน้ำตาลให้ได้มากที่สุดอาจไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจนสำหรับโรงงานในบราซิลอีกต่อไป การป้องกันความเสี่ยงที่โรงงานน้ำตาลได้ทำไว้ตอนนี้กำลังมีกำไรแฝงตัวอยู่ แลโรงงานสามารถทำการซื้อคืนน้ำตาลเพื่อทำกำไรนั้นได้
ถ้าราคาเอทานอลยังคงปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิถุนายน ตลาดจะตื่นตัวขึ้นอย่างทันทีและมองออกว่าการเลือกผลิตน้ำตาลให้ได้มากที่สุดในบราซิลเป็นความคิดเห็นที่ผิด
ตลาดน้ำตาลทรายดิบ : ราคาจะเป็นอย่างไรต่อไป?
เรามองว่าราคาซื้อขายน้ำตาลทรายดิบไม่น่าจะลงไปต่ำกว่า 10 เซนต์อีกครั้งในปีนี้
- สิ้นสุดการอ่อนตัวของค่าเงินเรียลบราซิล
- การซื้อขายในเดือนเมษายนแสดงให้เห็นว่ามีผู้ขายเพียงบางรายที่ขายน้ำตาลต่ำกว่า 10 เซนต์ ในขณะที่มีผู้ซื้อจริงเป็นจำนวนมาก
ถ้าหากโรงงานในบราซิลเริ่มที่จะมีการซื้อคืนน้ำตาลจากการป้องกันความเสี่ยง และหันไปผลิตเอทานอลมากขึ้น เราจะได้เห็นตลาดในเชิงบวก ซึ่งก็จะสวนทางกับมุมมองที่มองตลาดในตอนแรกว่าจะเป็นขาลง
เรามองว่ามีความเป็นไปได้ที่ราคาน้ำตาลจะดีดตัวไปในทิศทางที่สวนทางกับขาลง ผ่านระดับ 12 เซนต์ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้
ตลาดน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์: ในระยะสั้น
พรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวของเดือนสิงหาคม/กรกฎาคมเพิ่งจะมีความแข็งแกร่งขึ้นอีก ไปยังระดับ 130 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นแรงจูงใจให้ผู้ผลิตน้ำตาลทรายขาวผลิตน้ำตาลออกสู่ตลาดโลกด้วย แทนการผลิตเพื่อบริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียว
เมื่อราคาปรับตัวสูงขึ้น จะมีผู้ผลิตน้ำตาลจากแหล่งใหม่ๆและแปลกไปจากเดิมผลิตน้ำตาลสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นอาจเป็นอุปสรรคต่อการที่พรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวจะแข็งแกร็งอยู่เหนือ 130 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน แล้วจะมีใครที่ต้องการน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ลงเรือใหญ่จากแหล่งผลิตที่ไม่คุ้นเคยจริงๆ ในเมื่อสัญญาซื้อขายเดือนสิงหาคม 63 จะหมดอายุในอีก 6 สัปดาห์ข้างหน้า?
ปริมาณน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ไม่เพียงพอต่อความต้องการในระยะสั้นถึงระยะกลาง อันเนื่องมาจากผลผลิตอ้อยที่ตกต่ำในไทยปีนี้จากความแห้งแล้งที่เลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปี ดังนั้นเราไม่คิดว่าส่วนต่างราคาเดือนสิงหาคม/ตุลาคมจะมีการซื้อขายในระดับที่เป็นดิสเคาท์ (Discount) ตลอดช่วงอายุสัญญา และพรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวเดือนสิงหาคม/กรกฎาคมจะไม่ปรับตัวลงไปต่ำกว่า 100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อตัน
ตลาดน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์: ในระยะยาว
เราอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวของเดือนตุลาคม/ตุลาคม ที่ปัจจุบันมีการซื้อขายอยู่ในระดับที่สูงที่สุดในรอบ 5 ปี
เราคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่ปริมาณการบริโภคน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จะได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรน่าในบางภูมิภาค อย่างยุโรปและตะวันออกกลาง ซึ่งก็หมายความว่าพรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาว และส่วนต่างสัญญาเดือนตุลาคม/ธันวาคมอาจเริ่มอ่อนตัวลงหากความต้องการน้ำตาลของฝั่งผู้ผลิตอาหารแ ะเครื่องดื่มลดน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม เราเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ในปี 2564
วิถีการดำรงชีวิตเริ่มกลับเข้าสู่วิถีชีวิตใหม่ (new normal) หลังจากที่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโคโรน่า ห่วงโซ่อุปทานได้แสดงให้เห็นว่ามีความมั่นคงทนทานเป็นอย่างมาก และประชากรยังคงต้องการบริโภคอาหาร ยังไม่มีอะไรมาบ่งบอกว่าเราจะต้องกังวลเกี่ยวกับการเติบโตของการบริโภคน้ำตาลในปี 2564
แต่เรามีความกังวลเกี่ยวกับผลผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์
ปีนี้ฤดูใบไม้ผลิมีแสงแดดนานที่สุดเป็นประวัติการณ์ในแถบยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ ที่อังกฤษมีแสงแดดนานประมาณ 626 ชั่วโมงนับตั้งแต่เดือนมีนาคม มากกว่าสถิติเดิมที่ได้บันทึกไว้เมื่อปีพ.ศ. 2491 ไป 13% ซึ่งเป็นความโชคดีที่ช่วงฤดูหนาวในยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือมีความเปียกชื้น ดังนั้นมีปริมาณน้ำอยู่ในระดับสูง อย่างไรก็ตามตอนนี้ไร่หัวบีทต้องการความชื้นโดยด่วนเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่เป็นไปตามปกติ
เรายังมีความเชื่อว่าปริมาณผลผลิตอ้อยของไทยจะยังไม่ดีขึ้นในปีหน้า กระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริกา (USDA) ประมาณการณ์อ้อยไทยไว้ว่าจะกลับมาอยู่ที่ 120 ล้านตัน ในขณะที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 70 ล้านตัน เนื่องจากเรามองว่าดินมีความแห้งมากซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการปลูกอ้อยใหม่ ส่วนอายุของตออ้อยก็หลายปีแล้วและแก่ ทำให้ได้ผลผลิตน้อย รวมถึงการที่ชาวไร่หันไปปลูกมันสำปะหลังแทนการปลูกอ้อยในช่วงปีที่ผ่านมา เนื่องจากได้ผลตอบแทนมากกว่า และทำให้พื้นที่ปลูกอ้อยลดลง
หากไม่มีน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ราคาถูกจากยุโรปหรือไทยในปี 63/64 ก็คงยากที่จะเชื่อว่าราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์จะเป็นขาลง ดังนั้นเราคาดการณ์ว่าพรีเมี่ยมน้ำตาลทรายขาวจะอยู่เหนือกว่าระดับพรีเมี่ยมในปี 2562